Code School Finland เป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านการเขียนโปรแกรมเป็นอันดับต้นของโลก หลักสูตรนี้ออกแบบมาเป็นคลาสเรียนที่ให้น้อง ๆ ได้เรียนรู้ผ่าน 3 วิธีหลักที่เป็นหัวใจการเรียนรู้ของเด็ก คือ Project-Base Learning, Phenomenal-Base Learning และ Peer to peer Learning ทำให้น้อง ๆ รู้สึกสนุกสนานพร้อมกับได้ความรู้ น้อง ๆ จะได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมภายในห้องเรียนโดนเทรนเนอร์คุณภาพที่ทั้งเชี่ยวชาญในเนื้อหาการสอนและการปฏิบัติตัวกับเด็ก ๆ ทำให้บรรยากาศการเรียนสนุกสนานและได้รับความรู้ครบถ้วนอย่างแน่นอน
Develop and test เป็นหลักสูตรที่ต่อยอดมาจาก Code & create โดยน้อง ๆ จะได้เรียนรู้กระบวนการออกแบบและพัฒนาการเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งรูปแบบการวนซ้ำ การออกคำสั่งแบบมีเงื่อนไข นอกจากนี้น้อง ๆ จะได้ลองออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองผ่านการเขียนโปรแกรมที่เหมาะสม ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการแก้บั๊กปัญหาต่าง ๆ น้อง ๆ จะได้ทดลองนำสิ่งที่ตนเองสร้างไปให้คนเล่นจริงและรับฟีดแบ็คกลับมาเพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
น้อง ๆ จะได้เรียนรู้ทักษะกระบวนการออกแบบและพัฒนา รวมทั้งพัฒนาทักษะทางด้านการสร้างสื่อดิจิทัลในรูปแบบที่หลากหลาย และได้เรียนรู้กระบวนการ Design Thinking การทำงานร่วมกันเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์ การค้นหาไอเดียใหม่ ๆ การพัฒนาตนเองและได้ฝึกทักษะที่จำเป็นในชีวิตการทำงาน นอกจากนี้น้อง ๆ จะได้ลองออกแบบ พัฒนาและนำสิ่งที่ตนเองสร้างไปให้คนได้ลองเล่นจริง เพื่อรับฟีดแบ็กและแก้ไขปัญหาในจุดต่าง ๆ ตามที่ได้รับฟีดแบ็กมา และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้อีกด้วย
การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ : เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรุ้ ค้นคว้าข้อมูล ทำงานด้วยความคิดสร้างสรรค์
กลยุทธ์การทำงานที่หลากหลาย : ฝึกซ้อมเรียนรู้ กลยุทธ์ที่หลากหลายทำความเข้าใจหาสิ่งที่ใช่ พร้อมประเมินผลการเรียนรู้ของตัวเอง
สังคมแห่งการเรียนรู้ : ทำงานเป็นกลุ่ม การรับผิดชอบ ในการสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวกในการทำงานร่วมกัน
ศิลปะประยุกต์ : เรียนรู้นำศิลปะรูปแบบต่างๆ ประยุกต์ใช้ร่วมตีความต่อยอด
ทักษะทางอารมณ์ : การฝึกทักษะทางอารมณ์ในสถานการณ์การเรียนรู้ต่างๆ นำไปใช้ในทางที่สร้างสรรค์
การแสดงออกผ่านทางดิจิทัล : นำเสนอด้วยการพูด การนำเสนอผลงานในโปรเจค
การบริหารจัดการชีวิต : การวางแผน จัดการเวลา รวมไปถึงสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดีในการพัฒนาตนเอง
ความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน : หาวิธีการส่งเสริมขอบเขตส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว
การสื่อสาร : การสร้างเนื้อหาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย วิเคราะห์จุดแข็งในสถานการณ์การเรียนรู้หลายรูปแบบ
มัลติมีเดียและการสื่อสาร : สร้างและแบ่งปัน การประเมินเนื้อหามัลติมีเดียอย่างสร้างสรรค์
ทักษะของบริบท : การสร้าง การประเมิน และตีความเนื้อหาการสื่อสารเฉพาะบุคคล
การจัดการข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ : ใช้โปรแกรมสร้างโครงการหรือแก้ปัญหา ออกแบบ ผลิต ประเมินประสิทธิภาพ
ทักษะและการเขียนโปรแกรม : การใช้โปรแกรมเพื่อสร้างโครงการหรือแก้ปัญหา ใช้สื่อดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่เพิกเฉยต่อกฎหมายลิขสิทธิ์
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการสร้างเครือข่าย : การใช้แอพพลิเคชั่นส่งข้อความและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อการเรียนรู้
ความพร้อมสำหรับชีวิตการทำงาน : จัดการในสถานการณ์ต่างๆ สามารถรับมือ นำไปปรับใช้แก้ไขได้ในชีวิตจริง
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมทำงาน : วิธีทำงานร่วมกันบนความแตกต่าง การคิด วิเคราะห์ อภิปราย ประเมินความก้าวหน้าเพื่อผลสัมฤทธิ์่ที่ดี
ชีวิตและการทำงาน : เข้าใจถึงความต้องการในทางปฏิบัติและความคาดหวังในชีวิตการงาน
ด้านสังคม : เรียนรู้สถานการณ์ เลี่ยงการปะทะ การประนีประนอม และความร่วมมือ ทำงานเป็นทีมเวิร์ค
การคิดเชิงคำนวณ (แนวคิดการเขียนโปรแกรม)
-ลำดับและการวนซ้ำ : โค้ด (Code), สคริปต์ (script), คำสั่ง (command), ลำดับ (sequence), ลูป (loop), การจำกัด (definite), อนันต์ (infinite)
-เหตุการณ์ (Event) : เหตุการณ์ (Event), การขนาน (parallelism), สคริปต์ (script), ลำดับ (sequence)
-เงื่อนไข (Conditional & Conditional statement) : การใช้ Condition, conditional, statement, structure, loop, if, if-else, while, for
– ตัวดำเนินการ (Operators) และ ตรรกะ Boolean : การใช้ Arithmetic, logical, comparison, value, boolean, true, false
– Nested loops and conditionals : การเรียนรู้เรื่อง Nesting, nested loop, nested conditional statement
– การ Input : การเรียนรู้เรื่อง Data, input, output, sensor
– ตัวแปร (Variables) : เกี่ยวกับ Value, set, change, define
การคิดเชิงคำนวณ (แนวปฏิบัติในการเขียนโปรแกรม)
– การใช้ Environment ของ visual programming : สามารถนำทางและใช้ visual environment เพื่อสร้างเนื้อหามัลติมีเดียได้
– การพัฒนาโปรแกรม : กระบวนการทำวนซ้ำ การทดลองเพื่อทดสอบฟีเจอร์และนำไปใช้กับโปรแกรมของตัวเอง
– การทดสอบและการ debug : การทดสอบบ่อยครั้งว่าโปรแกรมทำงานและแก้ปัญหาตามที่เกิดขึ้นหรือไม่
– การสร้างใหม่โดยสร้างจากแนวคิดหรือโปรแกรมที่มีอยู่
– การทำให้เป็น module : การสร้างโปรแกรมที่ทำงานได้เต็มรูปแบบจากส่วนย่อย การทำให้เป็นโมดูล ปรับเปลี่ยนเพื่อให้อ่านได้ง่ายขึ้น
– การสร้างโปรแกรมการทำงานใน visual environment : สามารถใช้ Visual programming environment เพื่อสร้างโปรแกรมที่ใช้งานได้จริง
เข้าร่วมชุมชนแห่งการเรียนรู้และเริ่มต้นการเดินทางเพื่อพัฒนาทักษะของคุณ ในขณะที่ค้นหาแรงบันดาลใจเพื่อเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของคุณ