ทำไมช่วงเวลาที่ร้ายที่สุด เราจึงควรคิดบวกมากที่สุด? เชื่อไหมว่าคนเราสามารถพลิกเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ แค่เพียงเปลี่ยนความคิดลบเป็นความคิดบวก

หุ้นตก เศรษฐกิจแย่ ไวรัสระบาด ฝุ่น PM2.5  โอ้ย ..จะมีอะไรแย่กว่นี้อีกไหม? 

ท่ามกลางข่าวลบ  มากมาย หลายคนอาจจะมีอาการเครียด จิตตก แต่เชื่อไหมว่า 

คนที่ประสบความสำเร็จมาก  ในโลก เขาได้ฝึกจิตใจอย่างเข้มแข็ง ให้คิดสวน mood และกระแสของคนทั้งโลกได้ ซึ่งทำให้เขาสามารถช้อนโอกาสทองเข้าไว้ในมือได้อยู่เสมอ 

 

ทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาส”   

เพราะประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์มาแล้วในทุกยุคสมัย ว่าช่วงเวลาวิกฤตคือเวลาที่สร้างเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นมากที่สุดแต่ก่อนที่เราจะคว้าโอกาสในยามวิกฤตได้ เราจะต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งนั่นคือความ คิดบวก  คนที่คิดลบ หรือตกใจกลัวไปเสียทุกอย่าง ย่อมหมดโอกาส หรือขาดความกล้าในการไขว่คว้า ไม่สามารถมองเห็นโอกาสที่เดินเข้ามาเคาะประตูก๊อก  ทั้งในยามดีและยามร้าย 

 

7 เทคนิคการคิดบวก  

คนเราอาจจะไม่ได้เกิดมาคิดบวกตลอดเวลา แต่มีเทคนิคที่สามารถนำมาปฏิบัติ ให้เรานำตัวออกห่างจากการคิดลบให้มากที่สุด และอยู่ในโหมดการคิดบวกให้มากขึ้น เพื่อที่จะมีความสุขและความสำเร็จในชีวิตดังนี้ 

 

1.สภาพแวดล้อม 

ถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นลบ เราคงยากที่จะทำตัวให้คิดบวกได้ง่าย ๆ ดังนั้นเราจึงควรพยายามอยู่ห่างคนที่คิดลบ หลีกเลี่ยงการเสพข่าวและเรื่องราวลบ ๆ อันเฟรนด์หรือซ่อนโพสต์คนที่โพสต์แต่เรื่องลบ ๆ แล้วเปลี่ยนไปเสพข้อมูลข่าวสารเชิงบวก เช่น อ่านเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จ เรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจ  ฯลฯ 

 

2. ชื่นชมขอบคุณตัวเอง และสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ 

ก่อนรับประทานอาหาร ชาวคริสต์จะมีคำอธิฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับอาหารที่พระบิดาได้ประธานมาให้  ในสังคมไทยเราเองสมัยก่อน โดยเฉพาะในชนบท พ่อแม่จะสั่งสอนให้ลูกๆทานข้าวให้หมดเกลี้ยงจานไม่ให้เหลือเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณชาวนาที่ปลูกข้าวให้เรากิน น่าเสียดายที่ค่านิยมนี้ตอนหลังๆได้จางหายไป  

เคล็ดลับคือการฝึกชื่นชมตัวเอง และสิ่งต่าง  อยู่เสมอ  (เทคนิคอันหนึ่งคือการเขียนบันทึกสิ่งดี  ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน) ในทางกลับกันคนที่ชอบตำหนิตัวเอง ไม่ค่อยจะชื่นชมคนอื่น ๆ จะทำให้จิตใจตกเป็นขั้วลบตามไปด้วย 

ถ้าใครทำดีกับเราให้จำ แต่ถ้าเราทำดีกับใครให้ลืม” คำคมนี้ของเจ้าสัว เทียม โชควัฒนา ผู้ก่อตั้งเครือสหพัฒน์ฯ ยังใช้ได้ดีอยู่เสมอ 

 

3.ฝึกมอหาแง่ดีในทุกสถานการณ์ 

เวลาได้รับรู้สิ่งที่ไม่ดี หรือทำให้ไม่สบายใจ พยายามคิดให้รอบด้าน และฝึกมองให้เห็นแง่ดีที่ซ่อนไว้ แม้จากสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เช่น ได้เรียนรู้เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก หรือสามารถพัฒนาตัวเอง หรือได้รู้จักธาตุแท้ของคน  นั้น จะได้หลีกเลี่ยงไม่ถลำตัวลึกลงไป ฯลฯ 

และที่สำคัญคือระลึกเสมอว่าไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครที่ไม่มีข้อผิดพลาด  

  

4.อย่าเปรียบเทียบ 

การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นที่ดีกว่าเรา สำเร็จกว่าเรา จะทำให้เราจิตตก และไม่ได้มีอะไรดีขึ้น จงชื่นชม ยินดีกับคนอื่นที่ประสบความสำเร็จ   

 

5.เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จ 

พยายามอ่านและเรียนรู้เรื่องราวของคนทื่ประสบความสำเร็จ ว่าก่อนที่เขาจะมีวันนี้ เขาได้ผ่านความยากลำบาก หรือช่วงเวลาร้ายๆ หรือเขามีอุปสรรค หรือข้อจำกัดอะไรที่เขาสามารถพลิกผันให้กลายเป็นความสำเร็จได้ในที่สุด 

 

6.ค้นหาจุดแข็งตัวเอง 

เชื่อไหมว่าทุกคนมีจุดแข็งด้านใดด้านหนึ่งเสมอ พยายามค้นหาให้เจอ พัฒนาจากจุดนั้น แล้วคุณจะมีความเชื่อมั่นในตัวเอง เติมเต็มศักยภาพ และมองโลกสดใสมากขึ้น  งานวิจัยต่างๆล้วนยืนยันว่าการพัฒนาตนเองจากจุดแข็ง มีโอกาสได้รับผลสำเร็จมากกว่าการพัฒนาจากจุดอ่อนหรือจุดด้อย  

 

7.ออกไปสู่โลกกว้าง 

การเปิดมุมมองตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมกิจกรรมดี ๆ ออกไปท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่ ๆ ศึกษาประวัติศาสตร์ คบหาเพื่อนใหม่ ๆ จะเปิดมุมมองที่เรามีต่อโลกให้กว้างขึ้น  

 

อย่าลืมนะ  เริ่มจากพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมดี ๆ หาเพื่อนรือสังคมใหม่  ที่คิดบวก เราจะสามารถเปลี่ยนตัวเองและสร้างพลังบวกได้โดยเร็วที่สุด  แล้วพลังบวกจะดึงดูดเราไปสู่สิ่งดี  และโอกาสดี  ในชีวิตตามมาอีกแน่นอน 

 

ทัศนคติเชิงบวก เปลี่ยนชีวิตได้ ลองดูสิ 

 

เข้าร่วมสังคมแห่งการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์กับเพื่อนต่างวัยต่างอาชีพ ที่เชื่อมั่นในศักยภาพตัวเองว่าคนเราสามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้เสมอ ที่  www.yournextu.com 

 

Loading

บทความอื่นๆ