ในโลกแห่งการทำงานในปัจจุบันนี้ หากเรามีทักษะด้านวิชาชีพหรือ Hard Skills ติดตัวอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะทักษะเชิงปฏิสัมพันธ์หรือ Soft Skill เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ ยิ่งปีนบันไดขึ้นไปสูงเท่าไหร่ ยิ่งต้องใส่ใจในการบริหารคนมากเท่านั้น
คำถามที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ
ทักษะหรือสกิลอะไรที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต? แล้วจะเรียนรู้จากที่ไหนอย่างไร?
YourNextU ได้รวบรวม 5 ทักษะสำคัญที่ต้องมีสำหรับยุค Now Normal จากผลสำรวจของ SEAC ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน ควบคู่กับการคาดการณ์ของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) มั่นใจได้เลยว่าคุณจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน ลองมาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
1.พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงกรอบความคิด กล้าออกจากคอมฟอร์ทโซนหรือภาวะเดิมๆ
โลกของเรากำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เทรนด์ใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน วิธีการบางอย่างที่เคยใช้แล้วได้ผลในอดีตหรือปัจจุบัน อาจจะไม่เวิร์กกับความสำเร็จที่มุ่งหวังให้เกิดขึ้นในอนาคต เพราะฉะนั้นความยืดหยุ่น (Flexibility) หรือความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงกรอบความคิดหรือ Mindset โดยเริ่มต้นจากตัวเองจึงเป็น Soft Skill ที่มาแรงสุดๆ เป็นอันดับต้นๆ
การปรับกรอบความคิดจะทำให้คุณเห็นมุมมองใหม่ๆ ที่อาจเคยเป็นจุดบอดหรือมองข้ามไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการริเริ่มไอเดียใหม่ๆ และการท้าทายตั้งคำถามกับสิ่งเดิมๆ หรือภาวะเดิมๆ
นอกจากนี้การฟื้นฟูตัวเอง (Resilience) ก็ถูกจัดอยู่ในสกิลกลุ่มเดียวกัน เพราะการก้าวเท้าออกจากคอมฟอร์ทโซนไม่ได้การันตีด้วยความสำเร็จเสมอไป คุณอาจจะต้องเจอกับความเครียด ความยากลำบาก หรือความผิดพลาดระหว่างทาง แต่การฟื้นฟูตัวเองจากความเครียด ความเฟล แล้วกลับมาสู้ใหม่นี่แหละคือสิ่งสำคัญ
YourNextU ขอแนะนำหลักสูตร Growth Mindset ที่จะพัฒนากรอบความคิดให้ ‘เติบโต’ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทุกสถานการณ์ เปลี่ยนความคิดที่ว่า “ฉันทำไม่ได้หรอก” ให้เป็น “ฉันยังพัฒนาได้อีก”
2.คิดเร็ว ทำเร็ว โลกหมุนไวเท่าไหร่ เราต้องหมุนตามให้ทัน
นอกจากเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนารุดหน้าไปอย่างรวดเร็วทุกวินาที การแข่งขันทางธุรกิจยังเป็นปัจจัยหลักอีกข้อที่มองข้ามไม่ได้ ซ้ำแล้วยังเป็นสนามประลองที่ดุเดือดขึ้นทุกวัน ดังนั้นทักษะ Soft Skill เกี่ยวกับการคิด ตกผลึก และลงมือทำให้ทันท่วงทีก็สำคัญไม่แพ้กัน
ความคล่องแคล่วว่องไวที่ว่านี้คือ Agility ซึ่งในบริบทขององค์กรหรือที่ทำงานหมายถึงบุคลากรที่เชี่ยวชาญในหน้าที่และสามารถปรับตัวให้ตอบโจทย์กับความต้องการต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว หรือเรียกได้ว่าเป็นการทำงานแบบ Agile นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การคิดเร็ว-ทำเร็วแค่ไหนก็ต้องผ่านการคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) และการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) ที่รอบคอบและเป็นเหตุเป็นผล ทั้งนี้ก็เพื่อผลลัพธ์ที่ดี แม้ในที่สุดแล้วอาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ก็สามารถเรียนรู้และแก้ไขได้ถูกจุด
YourNextU ขอแนะนำหลักสูตร Agile Mindset ที่จะพาคุณไปถอดรหัสความซับซ้อนของแนวคิด Agile เรียนรู้วิธีการมองหาจุดแข็งของตัวเอง และพัฒนาตัวตนให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
3.ให้ความสำคัญกับแนวทาง “ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง”
ธุรกิจส่วนใหญ่ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อตอบสนองลูกค้า เป็นกลุ่มบุคคลที่มีความต้องการเฉพาะ หรือมองหาโซลูชั่นบางอย่างเพื่อมาแก้ปัญญาเดียวกัน ซึ่งก็คือจุดกำเนิดของผลิตภัณฑ์ แต่ในโลกทุกวันนี้ให้คิดเผื่อไว้เลยว่าไม่ใช่คุณหรือองค์กรของคุณที่เดียวที่กำลังนำเสนอ ‘ผลิตภัณฑ์’ หรือ ‘โซลูชั่น’ ให้กับลูกค้
ถึงแม้เราจะไม่มีอำนาจบงการคู่แข่ง แต่สิ่งที่ทำได้แน่นอนคือการเอาใจใส่ลูกค้า รับฟังความต้องการและปัญหาของลูกค้าอย่างตั้งใจ เต็มใจ และเข้าใจ ทำให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกๆ อย่างที่ลงมือทำ และสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ออกมา การทำงานด้วยทักษะแบบนี้คือ Design Thinking นั่นเอง
แน่นอนว่าทักษะการแก้โจทย์ที่ซับซ้อน (Complex problem-solving) ก็จะเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ไม่ใช่แค่โจทย์เลขหรือแก้โค้ดในระบบ แต่รวมถึงโจทย์ที่จะตอบความต้องการหรือปัญหาได้อย่างตรงจุดและเป็นเหตุเป็นผล
YourNextU ขอแนะนำหลักสูตร Design Thinking Series ที่จะพาคุณไปรู้จักกับกระบวนการคิดวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ ทั้งในรูปแบบ Innovation และ Transformation ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
4.ทำงานร่วมกันเป็นทีม เปิดรับความคิดสร้างสรรค์
“เราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก” คำกล่าวนี้ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ เรื่องการทำงานก็เช่นกัน เพราะงานใหญ่จะดำเนินไปอย่างราบรื่นและสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จากทุกคนในทีมที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง และสร้างประโยชน์ให้กับทีมในภาพรวม
ทักษะ Soft Skill ด้านการทำงานเป็นทีมหมายถึงการที่แต่ละคนรู้หน้าที่ของตัวเอง มีความรู้สึกเป็นเจ้าของหรือ ‘Ownership’ กับงานที่ทำ และมีความเข้าใจตรงกันว่าทีม องค์กร หรือธรุกิจกำลังเดินหน้าไปในทิศทางใด ซึ่งการทำงานเป็นทีมเวิร์กยังช่วยส่งเสริมความแตกต่างหลากหลายในองค์กรได้อีกด้วย
พอเป็นเรื่องของการปั้นทีม ก็ต้องมีทักษะความเป็นผู้นำ (Leadership) และการสร้างหรือการแลกเปลี่ยนอิทธิพลทางสังคม (Social Influence) เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หากทีมมีผู้นำเป็นตัวอย่างที่ดี มีคนคอยกำหนดแนวทางที่ชัดเจน การร่วมมือกันของสมาชิกก็เกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย
YourNextU ขอแนะนำหลักสูตร Outward Mindset at Work เรียนรู้วิธีเอาตัวเองออกจากกล่องแคบๆ แล้วหันมองคนรอบๆ ตัวด้วยความเข้าใจ เพื่อสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน
5.เพิ่มพลังPerformance + Productivity ให้ถึงขีดสุด
ท้ายที่สุดแล้ว ปัจจัยที่ส่งผลต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือความสำเร็จขององค์กรและธุรกิจก็คือประสิทธิภาพ (Performance) และประสิทธิผล (Productivity) ที่ควรจะพัฒนาตีคู่กันไปด้วยกันตลอดทาง หากอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดลดลงก็จะส่งผลเสียต่ออีกอย่างแน่นอนเมื่อบุคคลได้พัฒนาสกิลทั้ง 2 ด้านดังกล่าวไปถึงจุดสูงสุด ก็จะสามารถมอบผลงานที่ยอดเยี่ยมให้กับองค์กร ในที่นี้อาจใช้เวลาน้อยลงและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่การที่บุคลากรจะพุ่งสู่ยอดสูงสุดของศักยภาพได้ ก็ต้องมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และลองลงมือทำอยู่ตลอดเวลา เป็นทักษะที่เรียกว่า Active Learning ซึ่งจุดนี้องค์กรก็สามารถสนับสนุนได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ หลักสูตร Soft Skills หรือคอร์สอบรมต่างๆ นั่นเองYourNextU ขอแนะนำหลักสูตร Do Less, Get More with Strategic Thinking ที่จะพาคุณไปเรียนรู้วิธีการใช้ประโยชน์จากจังหวะและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป รวมทั้งการเลือกทำหนึ่งอย่างแต่ได้ผลลัพธ์หลายอย่าง “ยิงปืนแค่นัดเดียว แต่ได้นกหลายตัว”